ความหมาย ความสำคัญ และวิสัยทัศน์การกำกับภาพยนตร์
ความหมาย ความสำคัญของการกำกับภาพยนตร์ ซึ่งเป็นบทเรียนเริ่มต้นที่สำคัญของผู้ที่ศึกษาในรายวิชาการกำกับภาพยนตร์ เนื่องจากการทำความเข้าใจกับความหมาย ความสำคัญของการกำกับภาพยนตร์ จะทำให้ทราบถึงความหมายและจุดมุ่งหมายตั้งต้นของการเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ นอกจากนี้บทนี้ยังได้อธิบายถึงวิสัยทัศน์การกำกับภาพยนตร์ ซึ่งเป็นการอธิบายความสำคัญของวิสัยทัศน์ที่เป็นจุดกำเนิดในการสร้างงาน และสร้างความแตกต่างให้กับกระบวนการผลิตงานภาพยนตร์ ซึ่งเป็นเนื้อหาที่มีความสำคัญในการวางแผนในการทำงานในฐานะผู้กำกับภาพยนตร์ในอนาคตต่อไป
1.
ความหมายและความสำคัญของ ‘การกำกับ’
ความหมายของ“การกำกับ”
โดยทั่วไปหมายถึง การจัดการและการให้ทิศทางโดยการชี้แนะ อธิบายและให้ข้อมูล
พจนานุกรมฉบับเคมบริดจ์
อธิบายความหมายของคำว่า “directing” ไว้ความว่า
2 ความหมายดังนี้
1. การกำกับคือ
การควบคุมหรือมีหนาที่รับผิดชอบกิจกรรม หรือองค์กร ต่างๆ
2. การกำกับคือ
การบอกทิศทางให้กับผู้คนที่มีจุดหมาย (Cambridge
Dictionary, 2021: online)
พจนานุกรมฉบับอ๊อกฟอร์ด
อธิบายความหมายของคำว่า “directing” ไว้ความว่า
2 ความหมายเช่นเดียวกันดังนี้
1. ควบคุมการปฏิบัติงานของสิ่งต่างๆ,
จัดการหรือปกครอง
2. มุ่ง (บางสิ่ง) ในทิศทางเฉพาะหรือบุคคลใดบุคคลหนึ่ง
(Oxford Dictionary, 2021: online)
นอกจากนี้ผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการด้านภาพยนตร์ยังให้ความหมายคำว่า
การกำกับภาพยนตร์ไว้ดังนี้
ไมเคิล ราบิเกอร์ ผู้เขียนหนังสือเรื่อง “Directing:
Film Techniques and Aesthetics” อธิบายความหมายคำว่า ‘directing’
ไว้ในบทคัดย่อของหนังสือไว้ความว่า
“การกำกับครอบคลุมวิธีการ เทคโนโลยี กระบวนการคิด
และการตัดสินที่ผู้กำกับต้องใช้ตลอดกระบวนการอันน่าทึ่งในการสร้างภาพยนตร์
หัวใจหลักของหนังสือเล่มนี้คือความรู้ด้านมนุษย์ จิตวิทยา
และเทคนิคที่ผู้กำกับทุกคนต้องการ
องค์ประกอบที่ยั่งยืนของงานฝีมือที่ยังคงมีความสำคัญ”
(Michael Rabiger, 2013)
นอกจากนี้
ไมเคิลยังได้ขยายความการกำกับไว้เพิ่มเติมว่า “การกำกับยังให้มุมมองที่ชัดเจนเป็นพิเศษเกี่ยวกับกระบวนการทางศิลปะ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการทำงานร่วมกับนักแสดงและทีมงานหลักเพื่อให้ได้การเล่าเรื่องที่แสดงออกถึงตัวตนและความเป็นมืออาชีพในทุกงบประมาณ
การกำกับสำรวจในรายละเอียดและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องว่าจะมีส่วนร่วมกับด้านแนวคิดและอำนาจของการสร้างภาพยนตร์อย่างไร
เครื่องมือและแบบฝึกหัดที่ใช้งานได้จริงอย่างโดดเด่นแสดงวิธี: ค้นพบเอกลักษณ์ทางศิลปะของคุณ
พัฒนาเรื่องราวที่น่าเชื่อถือและน่าสนใจร่วมกับนักแสดงและทีมงานของคุณ
และกลายเป็นนักเล่าเรื่องที่มีน้ำเสียงและสไตล์อันโดดเด่น” (Michael
Rabiger, 2013)
2.
ความหมายและความสำคัญของ ‘ผู้กำกับภาพยนตร์’
เมื่อเข้าใจความหมายของ “การกำกับ”
แล้วจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเข้าใจความหมายและบทบาทของบุคคลหนึ่งที่มีความสำคัญสูงสุดในกระบวนการผลิตภาพยนตร์
ได้แก่ ‘ผู้กำกับภาพยนตร์’
ผู้กำกับภาพยนตร์ ในภาษาอังกฤษใช้คำว่า ‘Film Director’ มีผู้ให้คำจำกัดความ
ความหมาย และความสำคัญของผู้กำกับภาพยนตร์ไว้ต่างๆกันดังนี้
พจนานุกรมฉบับเคมบริดจ์
อธิบายความหมายของคำว่า ผู้กำกับภาพยนตร์ไว้ความว่า “บุคคลที่รับผิดชอบในภาพยนตร์หรือละครและทำหน้าที่บอกนักแสดงถึงการเล่นบทบาทต่างๆ
อย่างไร” (Cambridge Dictionary, 2021: online)
สารานุกรม
บริทานิกา ให้คำจำกัดความของผู้กำกับภาพยนตร์สมัยใหม่ไว้ความว่า “ผู้กำกับภาพยนต์สมัยใหม่คือบุคคลที่รับผิดชอบมากที่สุดสำหรับรูปแบบ
โครงสร้าง และคุณภาพขั้นสูงสุดของงานภาพยนตร์
ภาพยนตร์เป็นศิลปะแห่งการทำงานร่วมกัน
และในบางกรณีอาจมีบุคคลอื่นที่มิใช่ผู้กำกับที่มีอำนาจเหนือกว่า (เช่น
โปรดิวเซอร์ที่มีอำนาจเหนือฉากสุดท้ายหรือนักแสดงที่ความนิยมในบ็อกซ์ออฟฟิศทำให้เขามีอำนาจในการกำกับผู้กำกับ)
แต่โดยทั่วไปแล้ว สันนิษฐานว่าผู้กำกับคือ
ผู้ที่ได้รับมอบหมายให้กำกับภาพจะต้องได้รับเครดิตหรือคำตำหนิสำหรับรูปแบบและเนื้อหาในการกำกับ”
(Britannica, 2021)
นอกจากนี้ยังมีนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญยังให้ความหมายของคำว่า
“ผู้กำกับการแสดง” ไว้ด้วยดังนี้
นพมาส
ศิริกายะรวบรวมความหมายของคำว่าผู้กำกับการแสดงจากนักวิชาการต่างประเทศไว้ดังนี้
เอ็ดเวิร์ด
เอ. ไรท์ (Edward A. Wright) ได้กล่าวถึงบทบาทของผู้กำกับการแสดงไว้ว่า
“เป็นผู้ที่รับผิดชอบในการเลือกเฟ้น การจัดแบ่งงาน
และการวางโครงงานด้านศิลปะของการจัดแสดงทั้งหมด ผู้กำกับเป็นทั้งผู้นำ ผู้ประสานงาน
ผู้ชี้ทาง และผู้เชื่อมโยงส่วนประกอบต่างๆ ของละครเข้าไว้ด้วยกัน
ละครเรื่องใดที่ผ่านจินตนาการของผู้กำกับจะสะท้อนลักษณะบางอย่างของตัวเขาออกมาด้วย” (นพมาส ศิริกายะ,
2525: 153)
สุมาภา ประดับแก้ว นักวิชาการด้านภาพยนตร์
อธิบายคำว่าผู้กำกับภาพยนตร์ ไว้ดังนี้ คือ
ผู้ที่มีหน้าที่กำกับในขั้นตอนการสร้างภาพยนตร์
โดยผู้กำกับภาพยนตร์มีหน้าที่สร้างจินตนาการจากบทภาพยนตร์
แล้วถ่ายทอดความคิดทางด้านศิลปะออกมาตามแบบที่ตนเองต้องการ และเป็นคนสั่งการให้ฝ่ายอื่นๆ
ในกองถ่ายทำงานตามบทบาทหน้าที่ อย่างเช่น ฝ่ายผู้กำกับภาพ ผู้กำกับการแสดง
ฝ่ายเทคนิค นักแสดง
เพื่อให้ได้ภาพของการแสดงออกมาอยู่ในองค์ประกอบทางศิลป์ที่ตนเองต้องการบนแผ่นฟิลม์หรือในระบบดิจิทัล
(สุมาภา ประดับแก้ว,
2556: 2)
ผู้กำกับภาพยนตร์เปรียบเหมือนแม่ทัพบัญชาการรบ
มีหน้าที่ควบคุมและสร้างสรรค์ให้ภาพยนตร์เกิดขึ้นตามสิ่งที่ผู้กำกับภาพยนตร์ต้องการ
โดยผู้กำกับภาพยนตร์จะต้องมีคุณสมบัติ 3 ประการ ดังต่อไปนี้ ความเป็นศิลปิน คือ
มีจินตนาการผนวกกับแรงบันดาลใจ และสามารถเห็นภาพอย่างชัดเจน ความเป็นครู คือ
ความรู้และทักษะทางด้านภาพยนตร์
และที่สำคัญต้องสามารถถ่ายทอดออกมาให้คนอื่นรับรู้ได้อย่างเข้าใจ
ความเป็นผู้บริหาร คือ มีความเป็นผู้นำ สามารถบริหารเวลาและแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้
ผู้กำกับที่ดีควรมีคุณสมบัติ 3 อย่างเท่าๆ กัน เพื่อสร้างสรรค์ผลงานภาพยนตร์ที่มีคุณภาพให้กับผู้บริโภคต่อไป
(Thaishortfilm,
2553: ออนไลน์)
สรุปความหมายของ ‘ผู้กำกับภาพยนตร์’ (Film
Director) คือ
บุคคลที่มีความสำคัญสูงสุดในกระบวนการผลิตและสร้างภาพยนตร์
เป็นบุคคลที่ทำหน้าที่รับผิดชอบสูงในการควบคุมกำหนดแผนงาน และวางแนวทางในการผลิตภาพยนตร์เรื่องนั้นๆให้เป็นไปตามที่ตนเองตีความ
หรือจินตนาการไว้ เนื่องจากภาพยนตร์หนึ่งเรื่องเป็นผลผลิตการทำงานร่วมกันของบุคคลจำนวนมาก
จึงจำเป็นต้องมีบุคคลผู้สามารถให้ทิศทางและควบคุมให้บุคลากรทุกฝ่ายเห็นภาพรวมการทำงานไปในทิศทางเดียวกัน
เพื่อทำให้งานราบรื่นและสำเร็จลงตามที่คิดไว้ รวมทั้งเป็นผู้ที่รับผิดชอบสูงสุดในสายงานฝ่ายศิลปะ
เป็นจุดเริ่มต้นและศูนย์รวมที่ให้เอกภาพในการแสดงออกทางศิลปะ นับตั้งแต่การแสดง
การออกแบบ และการนำศิลปะแขนงต่างๆมารวมกันเข้าอย่างได้สัดส่วน
ทำให้เกิดผลรวมที่มีความสมบูรณ์และมีคุณค่าเหมาะสมที่จะเสนอต่อผู้ชม
3. วิสัยทัศน์กับการกำกับภาพยนตร์
ผู้รู้และนักวิชาการได้ให้คำจำกัดความของคำว่าวิสัยทัศน์ไว้ดังนี้
“วิสัยทัศน์
คือศิลปะแห่งการเห็นในสิ่งที่ผู้อื่นมองไม่เห็น”
(Vision is
the art of seeing what is invisible to others.)
Jonathan Swift
“วิสัยทัศน์คือจังหวะการสร้างสรรค์ที่แท้จริง”
(Vision is
the true creative rhythm.) Robert
Delaunay
“เมื่อคุณมีวิสัยทัศน์ที่แข็งแรงเพียงพอและทรงพลังเพียงพอ
ไม่มีอะไรมาขวางทางคุณได้” (When you
have a vision that is strong enough and powerful enough, nothing can stand in
your way.) Lewis
Howes
‘วิสัยทัศน์’
คือ
การสร้างสรรค์ชีวิตและความหมายให้เกิดขึ้นในโลกแห่งศิลปะ ตัวอย่างที่เราเห็นได้
อาทิ ปฏิมากรคนหนึ่งเดินไปพบแท่งหินก้อนหนึ่ง
เมื่อเขามองหินก้อนนั้นแล้วเกิดการมองเห็นรูปร่างบางสิ่งบางอย่างในหินก้อนนั้น
เขาจึงได้เปลี่ยนแปลงให้หินก้อนนั้นให้กลายเป็นงานศิลปะ เฉกเช่นที่มิเกลันเจโล
ได้สร้างสรรค์งานอันยิ่งใหญ่ให้เป็นมรดกโลกจวบจนทุกวันนี้
หรือในทำนองเดียวกันนักประพันธ์นำเอาประสบการณ์ที่เข้มข้นของมนุษย์มาเรียงร้อยเป็นบทกวี
ซึ่งแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่เกี่ยวข้องกับความหมายของชีวิตมนุษย์
หรือในด้านของนักแสดง วิสัยทัศน์ก็ได้เปลี่ยนตัวละครที่อยู่ในบทละครให้ออกมาโลดแล่นเสมือนมีชีวิต
และมีมิติของความเป็นมนุษย์อยู่บนเวที
พลังแห่งจินตนาการของ
ผู้กำกับการแสดงก็เช่นเดียวกัน สามารถ “สร้างชีวิตให้คืนกลับมา” โดยวิสัยทัศน์ดังกล่าวนั้นได้ก่อให้เกิดผลผลิตเป็นงานภาพยนตร์
ซึ่งเป็นการเปลี่ยนจากบทที่เป็นเพียงหน้ากระดาษ
ที่ไร้ชีวิตมาสู่การมีชีวิตบนหน้าจอ ดังนั้น วิสัยทัศน์กับการกำกับภาพยนตร์
จึงเป็นการสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทางศิลปะให้เกิดขึ้นกับการผลิตงานในสื่อต่างๆ
ผู้กำกับทั้งหลาย ทั้งที่เพิ่งเริ่มต้นหรือเป็นผู้ช่ำชองในงานมาแล้วก็ตาม
จำเป็นที่จะต้องทำงานให้ต่อเนื่องเพื่อที่จะเพิ่มพูนความสามารถในการคิดอย่างผู้กำกับ
รวมทั้งเพื่อพัฒนาพลังในด้านวิสัยทัศน์ของตนเอง
ดังนั้นผู้กำกับจึงจำเป็นต้องอ่านและดูให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
และเมื่อถึงเวลาที่ต้องเลือกสรรเรื่องสักเรื่องหนึ่งเพื่อมากำกับ
ผู้กำกับก็จำเป็นต้องศึกษาข้อมูลอย่างทุ่มเทเช่นเดียวกับที่ศิลปินแขนงอื่นๆได้อุทิศเวลาทั้งหมดของเขาให้กับงาน
กุญแจสำคัญในการสร้างวิสัยทัศน์ให้กับผู้กำกับนั้นก็คือ
กระบวนการทำให้เกิดงานสร้างสรรค์ขึ้นในสมองของผู้กำกับการ โดยอาศัยจินตนาการว่า ‘ได้ยิน’
เสียงพูดของนักแสดง และ ‘เห็นภาพ’ ที่เต็มไปด้วยการแสดงและการเคลื่อนไหวอย่างเต็มที่
ในจินตนาการนั้น ผู้กำกับสามารถจินตนาการได้ว่าจะมีนักแสดงคนใดบ้างที่ตนต้องการ
หรือในด้านของฉากต่างๆ ผู้กำกับก็สามารถสร้างสรรค์งานได้ทุกรูปแบบโดยไม่มีเรื่องของเงินและวิธีการสร้างงานมาเป็นเครื่องจำกัด
เช่นเดียวกับบท ซึ่งสำหรับผู้กำกับแล้วอาจเป็นเสมือนแท่งหินที่รอการสลักเสลา
วัตถุดิบต่างๆนั้นก็ประกอบด้วยแก่นสารของชีวิต
ซึ่งผู้กำกับต้องทำให้แท่งหินนั้นเป็นอิสระจากรูปร่างเบื้องต้น
ศิลปะในการกำกับนั้นเริ่มต้นจากการ
‘มองเห็น’
ในสิ่งที่ ‘มองไม่เห็น’ ซึ่งมีอยู่ในบท
โดยศิลปะของการกำกับนั้นแท้จริงก็คือ การสร้างสรรค์การแสดงรวมทั้งกลไกต่างๆ
เพื่อที่จะสื่อสารวิสัยทัศน์ของ ผู้กำกับการแสดงไปสู่ผู้ชมให้ได้ดีที่สุด คำถามที่เกิดขึ้นก็คือ
แล้วผู้กำกับควรจะเริ่มต้นจากตรงไหน ผู้กำกับบางคนพบว่าวิสัยทัศน์ทางศิลปะของเขานั้นเกิดจากการที่เห็นตัวละครตกอยู่ในความขัดแย้งจากการวางแผนของตน
และมีปฏิกิริยากับอุปสรรคดังกล่าวนั้น หรือผู้กำกับคนอื่นอาจเริ่มจากความคิดรวบยอด
หรือความหมายในตัวบท ในขณะที่ผู้กำกับบางคนก็อาจจะมีปฏิกิริยากับนาฏการ
และโครงเรื่อง เป็นต้น ทุกๆ กรณีที่กล่าวมาข้างต้นจะเห็นได้ว่า วิสัยทัศน์
ของผู้กำกับนั้นล้วนนำ ‘ชีวิต’
กลับมาสู่บทซึ่งก่อนหน้านี้ก็เป็นเพียงกระดาษแผ่นหนึ่งเท่านั้น
แรงจูงใจประการแรกในการทำงานของผู้กำกับนั้นก็คือ
‘ความปรารถนา หรือความอยาก’
ที่จะกำกับ
แต่สิ่งที่เหนือไปกว่านั้นก็คือ
ความต้องการที่จะนำเสนอวิสัยทัศน์ของเขาหรือเธอให้กับผู้ชมให้ได้รับรู้
และนอกจากนี้ในช่วงของการทำงานผู้กำกับย่อมมองหาผู้ร่วมงานที่จะสามารถทำงานและประสานสัมพันธ์กันได้
บุคคลเหล่านั้น ได้แก่ นักแสดง นักออกแบบ ฝ่ายจัดการ เป็นต้น บุคคลต่างๆ
ที่กล่าวถึงเหล่านี้เป็นผู้ที่มีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์ประสบการณ์ให้กับผู้ชม
โดยมีผู้กำกับเป็นผู้ผสานให้ทุกฝ่ายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
และถ้าจะเปรียบผู้ประพันธ์บทเป็นเสมือนผู้ที่ขับเคลื่อนให้เกิดการเล่าเรื่องราวซึ่งสะท้อนทัศนะคติของเขาหรือเธอที่มีต่อโลกแล้วล่ะก็
ผู้กำกับก็เปรียบได้กับผู้สื่อสารเรื่องราวดังกล่าวนั้นผ่านจอภาพ
ผู้กำกับไม่ควรจะพอใจอยู่แค่เพียงวิสัยทัศน์ของตนเองเท่านั้น
เขาหรือเธอควรจะเป็นผู้ที่มีเหตุมีผล และมีวิสัยทัศน์ทางภาพยนตร์เป็นอย่างดีด้วย
ดังนั้นก้าวแรกของการค้นหาวิสัยทัศน์นั้นจึงจำเป็นที่ต้องอาศัยการวิเคราะห์
และตีความหมายบทอย่างระมัดระวัง
และภายหลังจากที่วิเคราะห์และตีความหมายบทได้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีแล้ว
ผู้กำกับจึงค่อยเริ่มงานในด้านการวางแผน
ซึ่งในขั้นตอนนี้ก็ต้องทำอย่างระมัดระวังเช่นเดียวกัน ขั้นตอนช่วงการวางแผนนั้นประกอบด้วย
การเตรียมสมุดคู่มือการกำกับการแสดง, คู่มือและแนวทางในการคัดเลือกนักแสดง,
การวางแผนการซ้อม และทำตารางการซ้อมที่จะสามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้
การทำงานร่วมกับนักแสดงเพื่อเข้าสู่บทบาทของตัวละครการจัดวางตำแหน่งการเคลื่อนไหว
ตลอดจนการใช้เสียงดนตรี รวมทั้งภาพที่จะปรากฏ
กระบวนการในขั้นตอนนี้ก็คือการทำให้วิสัยทัศน์เกิดเป็นภาพที่มีชีวิต
(Catron, 1989: 2-5)
สรุป
ความหมาย
ความสำคัญของการกำกับภาพยนตร์ ซึ่งเป็นบทเรียนเริ่มต้นที่สำคัญของผู้ที่ศึกษาในรายวิชาการกำกับภาพยนตร์
ซึ่งเป็นศาสตร์ที่มีคุณค่าและก่อให้เกิดผลงานภาพยนตร์ขึ้นในโลกบันเทิง นอกจากนี้
ยังรวมถึงการอธิบายความหมายของผู้กำกับภาพยนตร์
ซึ่งเป็นบุคคลหนึ่งที่มีความสำคัญสูงสุดในกระบวนการสร้างสรรค์ภาพยนตร์
และอธิบายความสำคัญของวิสัยทัศน์ที่เป็นจุดกำเนิดในการสร้างงาน
และสร้างความแตกต่างให้กับกระบวนการผลิตงานภาพยนตร์ ผู้ที่เริ่มต้นทำงานในฐานะผู้กำกับภาพยนตร์
ควรศึกษาและฝึกสร้างวิสัยทัศน์ให้กับการทำงาน
เพื่อจะเป็นผู้ที่สามารถสร้างสรรค์สื่อภาพยนตร์ที่มีคุณค่าและเป็นประโยชน์ต่อผู้ชมต่อไปในอนาคต
โดย..ผศ.ดร.สามมิติ สุขบรรจง
อาจารย์ประจำสาขาวิชาการแสดงและกำกับการแสดงภาพยนตร์
วิทยาลัยนวัตกรรมสื่อสารสังคม มศว